Friday, 31 October 2025

สุทิดา ราชินี ความทุกข์ที่ไม่อาจเอ่ยได้: สิ่งที่พระราชวังซ่อนเร้นจากเรา

 

กลางเสียงโห่ร้องแห่งความจงรักภักดีในภาพข่าวที่เราเห็นอยู่บ่อยครั้งราชินีสุธิดายืนอย่างสง่างามพระพักนิ่งสงบสายพระเนตรแน่วนิ่งราวสายน้ำในฤดูแล้งที่ไม่เปิดเผยคลื่นความรู้สึกแต่ภายใต้รอยยิ้มบางเบานั้นมีสิ่งใดถูกซ่อนไว้หรือไม่ชีวิตที่เคียงข้างกษัตริย์ดูหรูหราแต่กลับเต็มไปด้วยกรอบเงื่อนไขที่คนทั่วไปอาจไม่เคยเข้าใจสิ่งที่เรารู้มักถูกมองผ่านเลนของสถาบันความคาดหวังและภาพลักษณ์สิ่งที่เราไม่รู้คือบทสนทนาภายในจิตใจที่ไม่เคยมี

ใครได้ยินคำถามคือราชินีผู้เป็นศูนย์กลางของสายตาจะมีพื้นที่ส่วนพระองค์เหลืออยู่เท่าไหร่ชีวิตในพระราชวังมิใช่เวทีที่ใครเลือกเดินขึ้นได้เองมันคือเส้นทางที่แม้แต่นักแสดงเองก็อาจไม่มีสิทธิ์กำกับบทดังคำกล่าวของเซเนกาปราชญ์โรมันผู้มีอำนาจมากยิ่งต้องเรียนรู้ที่จะอดทนเงียบงันในวิีโอนี้เราจะไม่ได้เปิดโปงแต่เราจะเปิดความรู้สึกผ่านมุมมองแห่งความเข้าใจไม่ใช่เพื่อชี้นิ้วแต่เพื่อขยายพื้นที่ให้เสียงที่ไม่เคยถูกเอ่ยได้ปรากฏขึ้น

บ้างในแง่มุมของความเป็นมนุษย์นี่ไม่ใช่เรื่องของราชินีเพียงคนเดียวแต่คือเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่งที่เลือกเงียบเพื่อให้ประเทศชาติเดินต่อไปก่อนที่พระนางนามสมเด็จพระนางเจ้าสุธิดาัชรสุทธาภิมลักษณะจะถูกสถาปนาขึ้นในราชกิจจานุเบกษาปีพุทธศักราช2562ยังมีหญิงสาวคนหนึ่งที่ก้าวเดินจากโลกของการบินมุ่งเข้าสู่เส้นทางซึ่งไม่มีคู่มือใดสอนให้พร้อมการเป็นคนข้างกายพระมหากษัตริย์ไม่เหมือนบทบาทในเทพนิยายมันคือการละทิ้งตนเองเพื่ออยู่ในกรอบที่สูง

ส่งกว่าความรักและความฝันราชิชินีสุธิดาเคยรับราชการในตำแหน่งรองผู้บัญชาการหน่วยอารักขาซึ่งนั่นไม่ใช่แค่เครื่องแบบรู้หรืออำนาจบริหารแต่คือการฝึกฝนภายใต้กฎระเบียบการอยู่ภายใต้แรงกดดันและความรับผิดชอบที่เกินขีดจำกัดของหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่งทุกย่างก้าวที่ทรงเดินมีกล้องนับร้อยจับตาทุกประโยคที่ทรงตรัสอาจถูกตีความเกินสิ่งที่ตั้งใจแล้วจะมีช่องว่างใดเหลือให้ตัวตนส่วนพระองค์ได้หายใจแม้ในวันที่ราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร

เปล่งประกายแม้ในวินาทีที่ทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระบรมราชินีก็ไม่แน่ว่าเบื้องหลังรอยยิ้มอ่อนโยนนั้นมิได้แฝงความสั่นไหวของผู้หญิงคนหนึ่งที่จำต้องสวมบทบาทใหญ่เกินใจจะรองรับบางคนบอกว่าเธอโชคดีแต่หากกลองสวมรองเท้าคู่เดียวกับเธอสักวันอาจพบว่าโชคดีไม่ได้เท่ากับอิสระเพราะในราชสำนักความรักต้องมีจังหวะความเงียบต้องมีระเบียบและการมีอยู่ของเธอต้องเป็นไปเพื่อแสงของผู้อื่นดังคำของเรนามีเรกวีเยอรมันที่ว่าความยิ่งใหญ่บางอย่างก่อ

เกิดจากการอยู่ในเงามืดโดยไม่อดครวญโลกภายนอกเห็นราชินีสุธิดาผ่านนิ่งที่ถูกคัดเลือกผ่านวิีดีโอในพิธีการผ่านพระฉายาักษณ์ที่ประดับไว้ในสถานที่ราชการแต่นั่นคือเพียงเศษเสี้ยวของความเป็นตัวตนที่ปรากฏต่อสาธารณะในทุกย่างก้าวที่ทรงปรากฏต้องงดงามเรียบร้อยแข็งแกร่งเสมือนแสงจันทร์ที่แม้จะอ่อนโยนแต่ก็ไม่เคยมีสิทธิ์เปล่งประกายเกินดวงอาทิตย์ความเป็นสมเด็จพระราชินีคือบทบาทที่ไม่อนุญาตให้เหนื่อยไม่อนุญาตให้ร้องไห้และไม่อนุญาต

แม้แต่จะเงียบเกินความเหมาะสมพระองค์ไม่ใช่เพียงสตรีหมายเลข1แต่คือสัญลักษณ์ของสถาบันผู้ที่ต้องดำรงอยู่ในภาพลักษณ์มากกว่าความรู้สึกไม่มีวันหยุดให้กับราชินีไม่มีพื้นที่ให้ความเปราะบางและยิ่งไม่มีใครคาดหวังว่าเธอจะมีความทุกข์แม้จะมีช่วงเวลาที่ข่าวลือกระพือว่าพระองค์ไม่ปรากฏพระวรกายต่อสาธารณะเป็นเวลานานก็ไม่มีใครรู้ว่านั่นคือการพักผ่อนหรือการหลีกเล้นพื้นที่ส่วนพระองค์จึงเปรียบได้กับดอกไม้ที่ถูกวางในตู้กระจก

สวยแต่ไร้กลิ่นสง่างามแต่ไม่มีลมอกผ่านและยิ่งเธอเงียบภาพที่คนอื่นสร้างให้ก็ยิ่งดังดั่งคำกล่าวของคอยุงสิ่งที่เราไม่เผชิญในจิตใจจะกลายเป็นชะตารที่เราต้องใช้ชีวิตอยู่กับมันราชินีสุธิดาอาจไม่ได้พูดอะไรแต่ความเงียบของพระองค์อาจกำลังพูดทุกอย่างเมื่อพูดถึงคำว่าราชินีผู้คนมักจินตนาการถึงบัลลังก์หัดประดับเพชรและเสียงแตรแสดงความยินดีแต่ในเบื้องลึกของฉากชีวิตนั้นอาจมีบาดแผลที่ไม่สามารถรักษาด้วยยศศักดิ์หรือคำสดุดีราชินี

สุธิดามิได้เป็นเพียงพระชายาแต่คือกำแพงที่มองไม่เห็นแห่งสถาบันทรงรับภาระของการเป็นบุคคลสาธารณะที่ต้องแบกรับความคาดหวังจากทั้งภายในและภายนอกในขณะที่ต้องเก็บงำทุกความรู้สึกไว้ใต้รอยยิ้มเรียบสงบแต่เบื้องหลังความสง่างามนั้นอาจมีความเปราะบางซ่อนอยู่ความโดดเดี่ยวที่คนมีเกียรติมักไม่กล้าเอ่ยความเหนื่อยล้าที่ไม่สามารถขอหยุดพักและความรักที่บางครั้งอาจต้องแลกกับความเงียบงันในทางจิตวิทยาบุคคลที่อยู่ภายใต้สปอตไลท์ที่

เ็นมักเกิดภาวะหลอมรวมกับบทบาทจนสูญเสียตัวตนและเมื่อใดที่ไม่สามารถแสดงความอ่อนแอได้ความรู้สึกเหล่านั้นจะย้อนกลับมากระทบภายในใจอย่างเงียบงันคอลีนเคยกล่าวไว้ว่าเงาคือส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณที่ถูกปฏิเสธและเงานั้นอาจเท่าบัลลังก์หากความเงียบคือกรอกความรู้สึกก็คือบาดแผลที่ไม่มีใครเห็นเพราะในบทบาทของราชินีแม้แต่การเศร้าก็ต้องกระทำอย่างมีศักดิ์ศรีแม้แต่การหายไปจากพื้นที่สาธารณะก็อาจต้องมีคำอธิบายที่สง่างามแต่

คำถามคือเมื่อใดกันที่ใครสักคนจะถามว่าเธอยังมีความสุขอยู่หรือเปล่าความเงียบของพระองค์จึงมิใช่สัญญาณของการยอมจำนนแต่มันคือค้ำสารภาพที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยเมื่อบุคคลใดขึ้นสู่เวทีของความเป็นราชินีเสียงกระซิบจากเงามืดย่อมตามมาไม่ขาดสายราชินีสุธิดาก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นช่วงเวลาที่พระองค์หายไปจากสายตาสาธารณะในบางห้วงยิ่งกระพือข่าวลือให้ลุกลามอย่างไร้ขอบเขตไม่ว่าจะเป็นการลี้หายความขัดแย้งหรือบทบาทที่ถูกลดทอนสื่อบางรายใช้ถ้อยคำ

เชิงปริศนาผู้คนบางกลุ่มดึงประเด็นไปสู่ทฤษฎีสมคบคิดแต่สิ่งที่น่ากังวลไม่ใช่ตัวข่าวหากแต่คือวิธีที่เราตอบสนองต่อข่าวนั้นในยุคที่ข้อมูลเคลื่อนเร็วกว่าแสงผู้ชมมักกลายเป็นผู้ตัดสินโดยอัตโนมัติโดยลืมไปว่าเบื้องหลังตำแหน่งคือความเป็นมนุษย์ที่ยังมีลมหายใจราชสำนักมีธรรมเนียมในการสื่อสารอย่างเงียบงันบางเรื่องไม่เอ่ยไม่ใช่เพราะซ่อนแต่เพราะวัฒนธรรมแห่งความยับยั้งการปรากฏหรือไม่ปรากฏจึงไม่สามารถตีความได้เพียงเสี้ยว

เดียวของความเงียบถ้าเราเชื่อในข่าวทุกกระแสที่ไร้ที่มาเราก็เสี่ยงต่อการทำร้ายบุคคลสาธารณะที่อาจต้องการเพียงช่วงเวลาหนึ่งของความเป็นส่วนตัวสิ่งที่ควรถามคือในฐานะประชาชนเรามีสิทธิ์รู้แค่ไหนและมีความรับผิดชอบในการรู้อย่างไรนิเชอเคยเขียนไว้ว่าเขาผู้ที่จ้องลึกลงไปในเหวจงระวังไม่ให้เหวจ้องกลับมาที่เจ้าความอยากรู้เรื่องเบื้องหลังชีวิตราชินีจึงควรเดินเคียงกับสติและเมตตาและเหนือสิ่งอื่นใดเมื่อข่าวกลายเป็นความรุนแรงในคราบความบันเทิงเราต้อง

ถามตัวเองว่าเรายังเป็นผู้เสพข่าวหรือเป็นผู้ร่วมสร้างบาดแผลให้ผู้อื่นอยู่หรือไม่ในตอนสุดท้ายของเรื่องราวนี้เรามิได้มุ่งหวังจะเข้าใจราชินีสุธิดาทั้งหมดแต่เพียงขอวางช่องว่างเล็กๆให้ความเข้าใจได้เริ่มต้นเดินทางเพราะในโลกที่ผู้หญิงมักถูกขอให้สมบูแบบบทบาทราชินีคือภาพสะท้อนที่ชัดเจนที่สุดของความคาดหวังนั้นต้องสง่างามแต่ไม่แสดงอารมณ์ต้องมั่นคงแต่ไม่แข็งกระด้างต้องอยู่ใต้แสงไฟแต่ไม่อนุญาตให้มีเสียงเป็นของตนเองเขาว่าในความเงียบของ

พระองค์เรากลับได้ยินบางสิ่งที่ดังกว่าเสียงปรบมือนั่นคือความกล้าหาญที่จะดำรงอยู่แม้จะอยู่ท่ามกลางความไม่แน่นอนแม้จะไร้พื้นที่ปลอดภัยสำหรับความเปราะบางราชินีสุธิดามิใช่เพียงสตรีในตำหนักแต่คือผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องแบกรับความคาดหวังของคนทั้งแผ่นดินในขณะที่บางครั้งอาจไม่มีใครเคยถามว่าพระองค์ต้องการอะไรหากโลกนี้มีสิ่งหนึ่งที่ควรมอบให้แก่เธอนั่นอาจไม่ใช่เพียงคำถวายพระพรแต่คือสิทธิ์ในการรู้สึกและสิทธิ์ในการนิ่งเงียบโดยไม่

ต้องอธิบายสุดท้ายนี้บทเรียนที่เราควรพบติดกลับไปอาจเป็นสิ่งเรียบง่ายนั่นคือจงอย่าตัดสินชีวิตใครจากเพียงสิ่งที่เราเห็นเพราะบางครั้งผู้หญิงที่เงียบที่สุดอาจกำลังแบกโลกทั้งใบไว้โดยไม่พูดอะไรเลยขอให้ทุกเสียงเงียบได้มีที่ทางในโลกที่วุ่นวายและในรอยยิ้มบางเบาของราชินีสุธิดาอาจมีพลังบางอย่างที่แปรเปลี่ยนหน้าที่ให้กลายเป็นความหวังวีดีโอนี้จัดทำโดยช่องแวงแองChannelเพื่อเปิดพื้นที่ให้กับความเงียบที่งดงาม